วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

BIG BEE NATURE - ผึ้งหลวงพฤกษา

เปิดประตูความอร่อยสุดยอดของ "BIG BEE NATURE"by INGFAH UNCHISA
ผึ้งหลวงพฤกษา

"เครื่องดื่มดีๆของคนรักษ์สุขภาพ รวมคุณประโยชน์ล้ำค่าจากธรรมชาติ"


บิ๊กบีเนเจอร์ รับจัดเลี้ยงเครื่องดื่มนอกสถานที่ งานสังสรรค์ งานรื่นเริง งานมงคลสมรส งานเปิดตัวโครงการ/บริษัท/ห้างร้าน งานบรรพชาอุปสมบท งานพิธีการ งานอวมงคล  ฯลฯ ในราคาประหยัด ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มั่นใจได้กับการบริการ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณ อ้อม 090-1211078 , 083-1203162 094-8355512  085-1109391 มีเมนูแนะนำดังนี้

น้ำผึ้งเสาวรส    (ผึ้งหลวงรสสุคนธ์ - PASSION BIG BEE)
น้ำผึ้งมะนาวสด (ผึ้งหลวงรสสุรีย์ - LEMON BIG BEE)
น้ำผึ้งยอดใบชาเขียว+มะนาว  (ผึ้งหลวงรสสิรินทร์ - GREENY BIG BEE)
น้ำผึ้งยอดใบชาเขียวดอกมะลิ (ผึ้งหลวงรสมุนินทร์ - JASMINEY BIG BEE / ICHIDO 9-4-56)
น้ำผึ้งยอดใบชาเขียวมะลิ+บ๊วย
น้ำผึ้งยอดใบเตยเขียว+เก๊กฮวย
น้ำผึ้งมะพร้าวน้ำหอม
น้ำผึ้งอ้อยควั่นจั่นมะพร้าว
น้ำผึ้งเมจิคพิ้งค์โรส (กุหลาบสีชมพู )
น้ำผึ้งเมจิคกรีนกีวี (กีวี อะโวคาโด้)
น้ำผึ้งเมจิคเบอรี่ (หม่อน แบลคเบอรี่ โกจิเบอรี่ แครนเบอรี่ บลูเบอรี่ สตอเบอรี่ เชอร์รี่)
น้ำผึ้งเมจิคพันซ์ (อัญชัญ มะนาว สัปะรด)
น้ำผึ้งเมจิคฟรุ๊ต  (ผลไม้รวม ส้ม สัปะรด มะเฟือง)
น้ำผึ้งเมจิคเวจเจ๊ตเทเบิ้ล (ผักสีสรรค์ แครอท มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย )
น้ำผึ้งเมจิคเนเจอรัล (สมุนไพร รางจืด ว่านหางจรเข้ )
น้ำผึ้งเมจิคฟลาวเวอร์ (บุปผชาติ เกสรบัว เกสรกุหลาบ ดอกคาร์เนชั่น ฯลฯ)
น้ำผึ้งเมจิคโซดาโคล่า
น้ำผึ้งนมสดหอมมะลิ
(สงวนลิขสิทธิ์ทุกเมนู)


" BIG BEE " คืออะไร ?

Big  แปลว่า ใหญ่
Bee แปลว่า  ผึ้ง
Big Bee จึงแปลตรงตามตัวว่า "ผึ้งใหญ่" หรืออาจรวมหมายถึงการเรียกขานผึ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไฟรั่มเดียวกันนั่นก็คือ "ผึ้งหลวง" นั่นเอง

ในที่นี้ได้รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับ ผึ้ง น้ำผึ้ง เสาวรส และมะนาว จากแหล่งข้อมูลต่างๆ Blogger ขอขอบคุณเจ้าของผลงานข้อมูลและเจ้าของภาพต่างๆที่ปรากฎอยู่ในบทความแห่งนี้ ขอให้ทุกท่านได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้



ความรู้เกี่ยวกับผึ้ง

ผึ้ง จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมอาร์โธรพอด จัดเป็นแมลงชนิดหนึ่งอาศัยรวมกันอยู่เป็นฝูง โดยส่วนใหญ่จะออกหาอาหารเป็นน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพืชในการผสมพันธุ์ ผึ้งทำงานกันเป็นระบบ มีผึ้งนางพญาเป็นหัวหน้าใหญ่ ทั้งนี้มนุษย์รู้จักผึ้งมานาน 7000 ปีแล้ว กษัตริย์ Menes ของอียิปต์โปรดให้ผึ้งเป็นสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรของพระองค์ คาดว่าผึ้งมีมากกว่า 30,000 ชนิด ซึ่งมากกว่ามนุษย์, ปลา และสัตว์เลื้อยคลานรวมกันเสียอีก
ลักษณะทั่วไปของผึ้ง แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ
    1. ส่วนหัว ประกอบด้วยอวัยวะรับความรู้สึกต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ
        - ตารวม มีอยู่ 2 ตา ประกอบด้วยดวงตาเล็ก ๆ เป็นรูปหกเหลี่ยมหลายพันตา รวมกัน เชื่อมติดต่อกันเป็นแผง ทำให้ผึ้ง  สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้รอบทิศ
        - ตาเดี่ยว อยู่ด้านบนส่วนหัว ระหว่างตารวมสองข้าง เป็นจุดเล็ก ๆ 3 จุด อยู่ ห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งตาเดี่ยวนี้จะเป็นส่วนที่รับรู้ในเรื่องของความเข้มของแสง ทำให้ผึ้งสามารถแยกสีต่าง ๆ ของสิ่งของที่เห็นได้ ฟริช ดาร์ล ฟอน ได้ทำการศึกษาและพบว่าผึ้งสามารถเห็นสีได้ 4 สี คือ สีม่วง สีฟ้า สีฟ้าปนเขียว และสีเหลือง ส่วนช่วงแสงที่มากกว่า 700 มิลลิไมครอน ผึ้งจะมองเห็นเป็นสีดำ
        - หนวด ประกอบข้อต่อและปล้องหนวดขนาดเท่า ๆ กันจำนวน 10 ปล้อง ประกอบเป็นเส้นหนวด ซึ่งจะทำหน้าที่รับความรู้สึกที่ไวมาก
    2. ส่วนอก จะกอบด้วยปล้อง 4 ปล้อง ส่วนด้านล่างของอกปล้องแรกมีขาคู่หน้า อมปล้องกลางมีขาคู่กลางและด้านบนปล้องมีปีกคู่หน้าซึ่งมีขนาดใหญ่หนึ่งคู่ ส่วนล่างอกปล้องที่ 3 มีขาคู่ที่สามซึ่งขาหลังของผึ้งงานนี้จะมีตระกร้อเก็บละอองเกสรดอกไม้ และด้านบนจะมีปีกคู่หลังอยู่หนึ่งคู่ที่เล็กกว่าปีกหน้า
    3. ส่วนท้อง ส่วนท้องของผึ้งงานและผึ้งนางพญาเราจะเห็นภายนอกเพียง 6 ปล้อง ส่วนปล้องที่ 8-10 จะหุบเข้าไปแทรกตัวรวมกันอยู่ในปล้องที่ 7 ส่วนผึ้งตัวผู้จะเห็น 7 ปล้อง
: ย่อหน้าที่ 1 ข้อมูลจากเวปไซต์วิกิพีเดีย








ผึ้งหลวง (Apis dorsata F.) เป็นผึ้งพื้นเมืองชนิดหนึ่งของไทยและประเทศอื่นๆ ทางคาบสมุทรอินเดียและเอเซียอาคเนย์ มีขนาดตัวใหญ่ มีท้องเป็นปล้องสีเหลืองและดำ ผึ้งหลวงจะสร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียวห้อยจากกิ่งไม้ หน้าผา หรือชายคาบ้าน รวงของผึ้งหลวงมีขนาดใหญ่ บางครั้งกว้างเกินกว่า 1 เมตร ประชากรส่วนใหญ่ของผึ้งงานของผึ้งหลวงทำหน้าที่ในการป้องกันรังด้วยการแขวนตัวเป็นม่านปกคลุมรัง  ผึ้งหลวงเป็นผึ้งชนิดหนึ่ง ที่เราไม่สามารถนำมาเลี้ยงในภาชนะหรือเลี้ยงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งได้ เพราะผึ้งงานของผึ้งหลวงจำเป็นที่จะต้องเห็นดวงอาทิตย์ หรือท้องฟ้าในขณะที่มันเต้นรำเพื่อที่จะส่งข่าวสารเรื่องตำแหน่งของอาหารได้อย่างถูกต้อง
ผึ้งมิ้ม (Apis florea F.) แบ่งออกเป็นผึ้งมิ้ม และผึ้งมิ้มเล็ก  ผึ้งมิ้ม มีขนาดตัวเล็กกว่าผึ้งหลวงและผึ้งโพรง ขนาดของลำตัวใหญ่กว่าแมลงวันบ้านเล็กน้อย มีท้องปล้องแรกสีเหลือง ที่เหลือเป็นปล้องสีดำสลับขาวชัดเจน พบอยู่ทั่วไป ชอบตอมขนมหวาน ผึ้งมิ้มเป็นผึ้งที่สร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียว รูปทรงกลมหรือรี ขนาดรังไม่ใหญ่นัก แขวนห้อยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ อยู่กลางแจ้งในธรรมชาติ ประชากรส่วนใหญ่ขิงผึ้งงานในรังผึ้งมิ้มจะถูกใช้ในการป้องกันรักษารัง ด้วยการแขวนตัวมันติดกันเป็นแผงคลุมรวงผึ้งทั้งรวง มีผึ้งงานส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกไปหาอาหาร ทำให้ผลผลิตน้ำผึ้งต่อรังมีน้อย ผึ้งมิ้มเป็นผึ้งอีกชนิดที่มนุษย์ไม่สามารถนำมาเลี้ยงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้ง เพราะต้องอาศัยดวงอาทิตย์ในการส่งข่าวสารเช่นเดียวกันกับผึ้งหลวง ส่วนผึ้งมิ้มเล็กนั้น จัดเป็นผึ้งที่เล็กที่สุดในโลก มีท้องปล้องแรกสีดำ ส่วนท้องปล้องที่เหลือเป็นสีขาวสลับดำเป็นผึ้งที่หายาก พบเฉพาะในบริเวณป่าละเมาะใกล้ภูเขาเท่านั้น ลักษณะรังมีชั้นเดียวบอบบางและเล็กกว่ารังของผึ้งมิ้ม คือ มีขนาดเท่าผ่ามือผู้ใหญ่เท่านั้น ผึ้งมิ้มเล็กมักจะปกปิดรังของมันอยู่ในซุ้มไม้และกิ่งไม้เพื่อพรางตาป้องกันศัตรูเหมือนกับผึ้งมิ้ม แต่ปกปิดมิดชิดกว่า บางท้องถิ่นเรียกว่า "ผึ้งม้าน" ผึ้งมิ้มเล็ก เป็นผึ้งที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ เพราะมีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เนื่องจากเป็นผึ้งที่ไม่ดุและต่อยไม่ เจ็บปวดเหมือนผึ้งชนิดอื่นๆ จึงถูกล่าตีหรือเผารังเพื่อนำน้ำผึ้งมากินได้ง่าย
ผึ้งโพรง (Apis cerana F.) หรือ ผึ้งโพรงไทย มีขนาดตัวใหญ่กว่าผึ้งมิ้มแต่เล็กกว่าผึ้งหลวง ลำตัวมีสีน้ำตาลสลับเหลืองเป็นปล้อง ๆ ที่ท้อง ผึ้งชนิดนี้ในธรรมชาติ จะทำรังด้วยการสร้างรวงซ้อนกันเป็นหลืบๆ อยู่ในโพรงไม้ หรือ โพรงหิน ที่มีปากทางเข้าค่อนข้างเล็ก แต่ภายในมีที่กว้างพอให้ผึ้งสร้างรวงได้ ทำให้ผึ้งโพรงกลายเป็นผึ้งเลี้ยงของเอเซีย แต่ผึ้งโพรงมีข้อเสีย คือ ผึ้งโพรงเป็นผึ้งที่เก็บสะสมน้ำผึ้งไว้ในรังในปริมาณน้อย และมีพฤติกรรมที่มักจะทิ้งรังไปหาที่อยู่ใหม่ ถ้าในบริเวณที่ตั้งของรังเดิมมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารขาดแคลน มีโรค ฯลฯ
ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) หรือ ผึ้งโพรงฝรั่ง คือ ผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีพฤติกรรมในการทำรังเช่นเดียวกับผึ้งโพรง คือ ทำรังเป็นรวงซ้อนกันเป็นหลืบๆ อยู่ภายในโพรงไม้ธรรมชาติ เนื่องจากผึ้งพันธุ์เป็นผึ้งที่มีการสะสมปริมาณน้ำผึ้งไว้ในรังจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพฤติกรรมในการทิ้งรังได้อยากกว่าผึ้งโพรง จึงเป็นผึ้งที่นิยมเลี้ยงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งมากกว่าผึ้งโพรง
: ย่อหน้าที่ 2 ข้อมูลจาก http://www.learners.in.th/blogs/posts/19074


ความรู้เกี่ยวกับน้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวาน (สกุล Apis) มากที่สุด และเป็นน้ำผึ้งชนิดที่ผู้เลี้ยงผึ้งเก็บรวบรวมและมนุษย์บริโภค ส่วนน้ำผึ้งที่ผลิตโดยผึ้งและแมลงชนิดอื่นจะมีคุณสมบัติแตกต่างไป
ผึ้งน้ำหวานเปลี่ยนน้ำต้อยเป็นน้ำผึ้งด้วยขบวนการการขย้อน และเก็บไว้เป็นแหล่งอาหารหลักในรังผึ้ง (honeycomb) ไข การประกอบกิจเลี้ยงผึ้งกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำผึ้งเกินเพื่อที่ปริมาณส่วนเกินจะได้ถูกนำออกจากนิคม
น้ำผึ้งได้ความหวานจากมอโนแซ็กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลูโคส และมีความหวานประมาณเทียบได้กับน้ำตาลเม็ด น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางเคมีที่ดึงดูดในการอบ และมีรสชาติพิเศษซึ่งทำให้บางคนชอบน้ำผึ้งมากกว่าน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ จุลินทรีย์ส่วนมากไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพราะมีค่าแอกติวิตีของน้ำต่ำที่ 0.6 อย่างไรก็ดี บางครั้งน้ำผึ้งก็มีเอนโดสปอร์ในระยะพักตัวของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะเอนโดสปอร์สามารถแปลงเป็นแบคทีเรียที่ผลิตชีวพิษในทางเดินอาหารที่ยังไม่เจริญเต็มที่ของทารก ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บป่วยและอาจถึงแก่ชีวิต
น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ นอกจากนี้ ยังมีภูมิปัญญาที่ใช้น้ำผึ้งในการรักษาอาการเจ็บป่วย

ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง การตรวจจับด้วยเทคนิคด่างๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งมีราคาแพงและค่อนข้างยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดคือควรซื้อน้ำผึ้งจากผู้ขายที่เชื่อใจได้ หรือมิฉะนั้นต้องใช้สายตาประเมินคุณภาพดังต่อไปนี้
  1. มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้นๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่างๆ
  5. ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใดๆ ลงในน้ำผึ้ง
  7. การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
  8. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นนํ้าผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที


ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของผึ้งและน้ำผึ้ง ฯลฯ

น้ำผึ้งเป็นสารผสมของน้ำตาลกับสารประกอบอื่น น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นฟรุกโทส (ราว 38.5%) และกลูโคส (ราว 31.0%) ทำให้น้ำผึ้งคล้ายกับน้ำเชื่อมน้ำตาลอินเวิร์ท (inverted sugar syrup) ที่ผลิตเชิงสังเคราะห์ ซึ่งมีปริมาณฟรุกโทส 48% กลูโคส 47% และซูโครส 5% คาร์โบไฮเดรตที่เหลือในน้ำผึ้งมีมอลโทสและคาร์โบไฮเดรตซับซ้อนอื่น ๆ เช่นเดียวกับสารให้ความหวานที่บำรุงสุขภาพทุกชนิด น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลและมีวิตามินหรือแร่ธาตุอยู่เล็กน้อย น้ำผึ้งยังมีสารประกอบหลายชนิดในปริมาณน้อยซึ่งคาดกันว่าทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงไครซิน พิโนแบค์ซิน วิตามินซี คาตาเลสและพิโนเซมบริน องค์ประกอบที่เจาะจงของน้ำผึ้งแต่ละกลุ่มนั้นขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ผึ้งใช้ผลิตน้ำผึ้ง
ผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งตามแบบ มีสารดังต่อไปนี้
  • ฟรุกโทส 38.2%
  • กลูโคส 31.3%
  • มอลโทส 7.1%
  • ซูโครส 1.3%
  • น้ำ 17.2%
  • น้ำตาลที่สูงกว่า 1.5%
  • เถ้า 0.2%
  • อื่น ๆ/ไม่กำหนด 3.2%
  • ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ระหว่าง 31 ถึง 78 แล้วแต่ชนิด น้ำผึ้งมีความหนาแน่นราว 1.36 กิโลกรัมต่อลิตร (หนาแน่นกว่าน้ำ 36%)

ความรู้เกี่ยวกับการนำผึ้งและน้ำผึ้งไปใช้เพื่อสุขภาพ

  • น้ำผึ้งช่วยแต่งรสยา - น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ เราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมให้มีรสหวานนิดหนึ่ง รสยาก็จะอร่อยขึ้น และช่วยชูกำลัง ซึ่งน้ำผึ้งเข้าได้กับตำรับยาทุกชนิด
  • น้ำผึ้งหนึ่งในน้ำกระสายยา - น้ำกระสายยา คือ ส่วนผสมหนึ่งของตำรับยาไทย ที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ได้จากพืช อาทิ น้ำมะนาว ได้จากธาตุ เช่น เปลือกหอยนำมาฝนกับน้ำ ได้จากสัตว์ เช่น งาช้าง รวมถึงน้ำผึ้งที่ถือเป็นน้ำกระสายยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์แรงทำให้ตัวยาดูดซึมเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต และกระจายเลือด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีกำลังมากขึ้น หรือบางครั้งนำน้ำผึ้งมาผสมกับยาปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง
  • ว่ากันว่าน้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
  • ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี
    ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนานๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้
  • ลดการอักเสบ หากมีบาดแผลหรือแผลถลอกให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผล น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็ว
  • รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง
  • ต้านข้ออักเสบ ผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง
  • แก้อาการท้องผูก กินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
  • แก้นอนไม่หลับ น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรือชาดอกไม้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น
  • บำรุงเลือด เทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือด
  • บรรเทาอาการไอ บีบมะนาวฝานสดๆหนึ่งเสี้ยวเข้าปากให้ลงลำคอ และจิบน้ำผึ้งแท้ หนึ่งช้อนโต๊ะ อมไว้ หายไอดีมาก หรือ
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 500 กรัม ขิงสด1.2 กิโลกรัม (1 ชั่ง)
    • วิธีทำ: คั้นขิงสดเอาแต่น้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งต้มจนแห้ง
    • วิธีกิน: กินครั้งละขนาดเท่าลูกอมจะช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
  • บำบัดเบาหวาน
    • ส่วนผสม: สาลี่หอมหรือสาลี่หิมะจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม
    • วิธีทำ: ปอกเปลือกสาลี่แล้วตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว บรรจุใส่ขวด
    • วิธีกิน: ผสมน้ำกิน ช่วยแก้อาการไอและบำบัดโรคเบาหวานได้
  • ลดความดันโลหิตสูง
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้งและงาดำ อย่างละ 50 กรัม
    • วิธีทำ: ตำงาดำให้ละเอียดแล้วคลุกกับน้ำผึ้ง
    • วิธีกิน: ชงกับน้ำร้อนดื่มรักษาโรคความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง
  • ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
  • สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
  • เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ
: ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87


ความรู้เกี่ยวกับมะนาว

มะนาว (อังกฤษLime) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ผลมีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) ผลสีเขียว เมื่อสุกจัดจะเป็นสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำมาก นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส นอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ด้วย

ผลมะนาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 – 4.5 ซม. ต้นมะนาวเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงเต็มที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีขนดก ใบยาวเรียวเล็กน้อย คล้ายใบส้ม ส่วนดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมีดอกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าหนาว จะออกผลน้อย และมีน้ำน้อย
มะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนในภูมิภาคนี้รู้จักและใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน น้ำมะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรี้ยวในอาหารหลายประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ เสียบไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
ในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึง 7% แต่กลิ่นไม่ฉุนอย่างมะกรูด น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาด เครื่องหอม และการบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาล้างจาน ส่วนคุณสมบัติที่สำคัญ ทว่าเพิ่งได้ทราบเมื่อไม่ช้านานมานี้ (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 2) ก็คือ การส่งเสริมโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งเคยเป็นปัญหาของนักขายโรตีมาช้านาน ภายหลังได้มีการค้นพบว่าสาเหตุที่มะนาวสามารถช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด เพราะในมะนาวมีไวตามินซีเป็นปริมาณมาก
มะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นสดชื่น เพราะมีส่วนประกอบของสารซิโตรเนลลัล (Citronellal) ซิโครเนลลิล อะซีเตต (Citronellyl Acetate) ไลโมนีน (Limonene) ไลนาลูล (Linalool) เทอร์พีนีออล (Terpeneol) ฯลฯ รวมทั้งมีกรดซิตริค (Citric Acid) กรดมาลิค (Malic Acid) และกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ซึ่งถือเป็นกรดผลไม้ (AHA : Alpha Hydroxy Acids) กลุ่มหนึ่ง เป็นที่ยอมรับว่าช่วยให้ผิวหน้าที่เสื่อมสภาพหลุดลอกออกไป พร้อมๆ กับช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ช่วยให้รอยด่างดำหรือรอยแผลเป็นจางลง
มะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค ไวตามินซี จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว มีไวตามินเอ และซี ทั้งยังมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวอีกด้วย
มะนาวมีประโยชน์ใช้เป็นยาสมุนไพร ขับเสมหะ แก้ไอ เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้อาเจียน เมาเหล้า ขจัดคราบบุหรี่ บำรุงตา บำรุงผิว และยังสามารถมีฤทธิ์ในการกัดด้วยเป็นต้น

ความรู้เกี่ยวกับเสาวรส

เสาวรส หรือ กะทกรกฝรั่ง หรือ กะทกรกสีดา หรือ กะทกรกยักษ์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Passiflora edulis, อังกฤษ: Passionfruit, สเปน: Maracujá) เป็นไม้เถาเลื้อย ถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ผลเป็นรูปกลม ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกมีหลายสีแล้วแต่พันธุ์ ทั้งสีม่วง เหลือง ส้ม ชั้นในสุดของเปลือกเป็นเยื่อสีขาวที่เรียกรก ภายในมีเมล็ดสีดำจำนวนมาก อยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นถุง กลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสเปรี้ยวจัด บางพันธุ์มีรสอมหวาน

เสาวรส แปลไทยเป็นไทยได้ว่า มีรสชาติดี ไม่น่าแปลกใจที่ผลไม้ชนิดนี้จะได้รับความนิยมชมชอบ เพราะไม่ใช่แค่รสชาติดีอย่างเดียว ยังแถมคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย โดยเฉพาะมีวิตามินสูงมาก ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
เสาวรส หรือบางคนอาจเรียกว่า กะทกรกฝรั่ง มีถิ่นฐานกำเนิดอยู่ไกลถึงทวีปอเมริกาใต้ แถวๆ บราซิลจัดเป็นไม้ประเภทเถาเลื้อย ผลทรงกลม เปลือกแข็ง มีทั้งพันธุ์ที่เป็นสีม่วงและสีเหลือง เป็นผลไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำเยอะ รสชาติออกเปรี้ยวและหอม ฝรั่งเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Passionfruit หรืออาจแปลตรงๆ ได้ว่า ผลไม้แห่งตัณหา passion ในที่นี้มีความหมายไปในทางบวก หมายถึงความปราถนาอันแรงกล้า ของพระเยซูที่จะไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์ชาติ เพราะผู้ตั้งชื่อผลไม้ชนิดนี้เป็นเหล่ามิชชันนารีชาวสเปนที่ไปเผยแพร่ศาสนาในดินแดนอเมริกาใต้ เมื่อได้เห็นดอกอันสวยงามของต้นเสาวรสเข้า เหล่ามิชชันนารีก็ให้ความหมายไปในเชิงสัญลักษณ์ทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับพระเยซูในยามที่โดนตรึงกางเขน นั่นคือ กลีบดอกและกลีบเลี้ยง 10 กลีบ เปรียบเสมือนสาวกทั้งสิบ เกสรเพศผู้เหมือนมงกุฎหนาม เกสรเพศผู้ 5 ตัว คือบาดแผลห้าแห่ง รวมถึงยอดเกสรเพศเมีย 3 ยอดเท่ากับตะปูที่ตอกตรึงลงไปที่มือและเท้า


การกระจายพันธุ์ มีการปลูกเสาวรสทางการค้าในหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา นิวซีแลนด์ ประเทศแถบทะเลแคริบเบียน บราซิล โคลอมเบีย โบลิเวีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย เปรู เปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แอฟริกาตะวันออก เม็กซิโก อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้และโปรตุเกส ในประเทศไทยมีเสาวรสที่ปลูกทั่วไป 3 พันธุ์คือ พันธุ์สีม่วง เมื่อสุกเปลือกสีม่วง เนื้อในสีเหลือง รสอมหวานมากกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่ไม่ค่อยต้านทานโรคในเขตร้อน พันธุ์สีเหลืองหรือเสาวรสสีทอง ผลแก่สีเหลือง รสเปรี้ยวมาก นิยมปลูกในเขตร้อน พันธุ์ผสม เมื่อสุกเป็นสีม่วงอมแดง รสเปรี้ยวจัด กลิ่นแรง


ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของเสาวรส

ผลเสาวรสสุกมีบีตา-แคโรทีน โพแทสเซียมและใยอาหารสูง น้ำเสาวรสมีวิตามินซีมากและเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผลสีเหลืองใช้ในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ ส่วนผลสีม่วงนิยมบริโภคสด เสาวรสมีไลโคพีน ในชั้นเพอริคาร์บ

ผลสุกของเสาวรสนำมาทำน้ำผลไม้และไวน์ หรือเติมลงในน้ำผลไม้ชนิดอื่นเพื่อเพิ่มกลิ่น ในทวีปอเมริกาใต้รับประทานเปลือกของเสาวรสสุก หรือนำไปปั่นรวมกับน้ำตาลและน้ำเสาวรสเป็นเครื่องดื่มที่เรียก Refresco นำเนื้อเสาวรสไปทำขนมได้หลายชนิดทั้งเค้ก ไอศกรีม แยม เยลลี ยอดเสาวรสนำไปแกงหรือกินกับบบน้ำพริกลล เมล็ดนำไปสกัดน้ำมันพืช ทำเนยเทียม เปลือกนำไปสกัดสารเพกทินหรือนำมาตากแห้งเป็นอาหารสัตว์ เปลือกเสาวรสที่อ่อนบางพันธุ์มีสารประกอบไซยาไนต์เล็กน้อยโดยเฉพาะผลสีม่วง แต่เมื่อนำเปลือกมาทำแยมด้วยความร้อนสูง สารประกอบไซยาไนต์จะหายไป  การใช้ประโยชน์ในประเทศต่างๆมีดังนี้
  • บราซิล มูสเสาวรสเป็นของหวานที่พบได้ทั่วไป เมล็ดเสาวรสนิยมใช้แต่งหน้าเค้ก ในการปรุงCaipirinha นิยมใช้เสาวรสแทนมะนาว
  • โคลอมเบีย เป็นผลไม้ที่สำคัญในการทำน้ำผลไม้และขนม เรียกเสาวรสว่า "Maracuyá"
  • สาธารณรัฐโดมินิกันเรียกเสาวรสว่า chinola ใช้ทำน้ำผลไม้และใช้แต่งรสไซรับ กินเป็นผลไม้สดกับน้ำตาล
  • ฮาวาย ทั้งเสาวรสสีม่วงและสีเหลืองใช้กินเป็นผลไม้ น้ำเชื่อมรสเสาวรสใช้แต่งหน้าน้ำแข็ง ไอศกรีม และใช้เป็นส่วนผสมในเค้ก คุกกี้ แยม เยลลี่ เนย
  • อินโดนีเซีย มีเสาวรสสองชนิด คือชนิดสีขาวกับสีเหลือง สีขาวกินเป็นผลไม้ สีเหลืองใช้ทำน้ำผลไม้ และเคียวกับน้ำตาลเป็นไซรับ
  • นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย นิยมกินผลสดเป็นอาหารเช้าในช่วงฤดูร้อน เช่นทำฟรุตสลัด เสาวรสใช้ทำขนมหลายอย่าง เช่นแต่งหน้าเค้ก pavlova ไอศกรีม ใช้แต่งรสชีสเค้ก และมีน้ำอัดลมรสเสาวรสในออสเตรเลีย
  • ปารากวัย ใช้ทำน้ำผลไม้ ใช้ผสมในเค้กมูส ชีสเค้ก ใช้แต่งรสโยเกิร์ตและคอกเทล
  • เม็กซิโก ใช้ทำน้ำผลไม้หรือรับประทานผลกับพริกป่นและน้ำเลมอน
  • เปอร์โตริโก เรียกเสาวรสว่า "Parcha" นิยมใช้เป็นยาลดความดัน ใช้ทำน้ำผลไม้ ไอศกรีมหรือเพสตรี
  • เปรูใช้เสาวรสทำขนมหลายชนิดรวมทั้งชีสเค้ก ใช้ทำน้ำผลไม้ ผสมใน ceviche และคอกเทล
  • ฟิลิปปินส์รับประทานเป็นผลไม้ มีขายทั่วไปแต่ไม่เป็นที่นิยมมาก
  • แอฟริกาใต้ เสาวรสรู้จักกันในชื่อ Granadilla ใช้แต่งรสโยเกิร์ต น้ำอัดลม กินเป็นผลไม้หรือใช้แต่งหน้าเค้ก
  • ศรีลังกา นิยมดื่มน้ำเสาวรสเป็นน้ำผลไม้
  • สหรัฐอเมริกา ใช้ผสมในน้ำผลไม้ผสม
  • เวียดนาม รับประทานเสาวรสปั่นกับน้ำผึ้งและน้ำแข็ง


กรสยาม ศรีระกิจ
09.09 pm. saturday 9 febuary 2013 
edit >> big bee nature ..21.15 fri 1 Mar 2013
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลงานการออกบู้ทและงานนอกสถานที่
1) วันที่ 14-26 กุมภาพันธ์ 2556 ออกบู้ทงาน Good Test ณ ห้างสรรพสินค้า Fashion Island ชั้น 1 โดยมีเมนู น้ำผึ้งเสาวรส น้ำผึ้งมะนาวสด ซึ่งทั้งสองเมนูเราใช้วัตถุดิบจริงไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นธรรมชาติ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สนใจซื้อดื่มเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งต้องมีการผลิตเพิ่มเติมไม่กว่า 20 ลิตร/วัน
2) วันที่ 2 มีนาคม 2556 รับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ณ บริษัท ดีพี สตีล จำกัด คลองพระอุดม อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นการเปิดบริษัท นับว่าเป็นงานใหญ่ มีผู้ร่วมงานไม่ต่ำกว่า 300-400 คน ครั้งนี้ไปในนาม "ชาชัก ลังกาวี" นอกจากมีเมนูชาชัก กาแฟปักษ์ใต้ ชาเขียว เป็นตัวนำแล้ว ยังได้เพิ่มเมนูของ "ผึ้งหลวงพฤกษา บิ๊กบี เนเจอร์" เข้าไปด้วยคือ น้ำผึ้งมะนาวสด ปรุงสด จากเดิมที่เตรียมไว้เพื่อ 60-70 ที่นั้นไม่เพียงพอ จึงต้องปรุงเพิ่มไปถึง 140 แก้วจนวัตถุดิบหมด โดยที่ยังมีผู้สนใจขอทานอีก จนได้รับคำชมเชยจากเจ้าของงานอย่างมาก
3) วันที่ 2 มีนาคม 2556 ช่วงบ่ายถึงค่ำ ออกบู้ทจำหน่ายสินค้า ณ ลานหน้าห้างไพรเวซี่นวนคร ซึ่งมีเมนูหลากหลายไปจำหน่ายก็คือ น้ำผึ้งมะนาว สตอเบอรี่ ชาชัก ชาเขียว ได้รับความสนใจพอควร
4) วันที่ 9 มีนาคม 2556 ช่วงบ่ายถึงค่ำ ออกบู้ทจำหน่ายสินค้า ณ ลานหน้าห้างไพรเวซี่นวนคร ซึ่งมีเมนูหลากหลายไปจำหน่ายก็คือ น้ำผึ้งมะนาว ชาชัก ชาเขียว ลูกชิ้นปิ้งได้รับความสนใจอย่างมาก
5) วันที่ 13 - 25 มีนาคม 2556 รวม 13 วัน ออกร้านที่ "ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ มีนบุรี"

6) วันที่ 15 มีนาคม 2556 รวม 1 วัน ออกบู้ทที่ "มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ศูนย์รังสิต" การออกบู้ทครั้งนี้ไปในงานเทศกาลอาหารอาเซียน ในฐานะตัวแทนประเทศมาเลเซีย
7) วันที่ 21 - 25 มีนาคม 2556 รวม 5 วัน ออกร้านแกรนด์โอเพนนิ่ง ที่ "ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต"
การออกร้านและ Grand openning ครั้งนี้ไปในชื่อ "ชาอันดามัน เกาะลังกาวี" ในงานกาแฟนานาชาติ ในโอกาสนี้ได้รับความร่วมมือจาก Cafe' Cozy ซึ่งมีกาแฟสด เค้ก มาร่วมจัดในบู้ทเดียวกัน และในวาระเดียวกัน บิ๊กบีเนเจอร์ ได้ผลิตสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาคือ น้ำผึ้งยอดใบชาเขียวมะนาว มีทั้งอยู่ในโหลแก้วและแบบบรรจุขวด ได้รับความสนใจมากมายที่สุด ยอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 300 ขวดต่อวันจนกำลังผลิตไม่เพียงพอ ได้รับความนิยมและคำชมเชยจากเจ้าหน้าที่ของฟิวเจอร์พาร์คไม่น้อยเลยทีเดียว
8) วันที่ 3 - 15 เมษายน 2556 รวม 13 วัน ออกร้านที่ "ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าปิ่นเกล้า กรุงเทพ"
การออกร้านครั้งนี้ไปในชื่อ ชาอันดามัน / อินเลย์อันดามัน / บิ๊กบีเนเจอร์ โดยที่บิ๊กบีเนเจอร์ผลิตสินค้าไปเพื่อจำหน่ายคือ น้ำผึ้งชาเขียวมะนาวหอมตาฮิติ น้ำผึ้งมะนาวสด น้ำผึ้งมะนาวอัญชัญ น้ำผึ้งเก๋ากี้ น้ำผึ้งเสาวรส
9) วันที่ 6 - 16 เมษายน 2556 รวม 11 วัน ออกร้านที่ "ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ร์ครังสิต" ในงาน sweet dessert
การออกร้านครั้งนี้ บิ๊กบีเนเจอร์ By อิงฟ้า อัญชิสา จัดสินค้าน้ำผึ้งชาเขียวมะนาวหอมตาฮิติ น้ำผึ้งมะนาวสด น้ำผึ้งมะนาวอัญชัญ น้ำผึ้งเก๋ากี้ น้ำผึ้งเสาวรส ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี


"Big Bee Nature" บิ๊กบี เนเจอร์ "ผึ้งหลวงพฤกษา" เครื่องดื่มดีๆเพื่อคนรักษ์สุขภาพ รวมคุณประโยชน์จากธรรมชาติ 100% ขอขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน สนใจให้ทางเราเป็นผู้จัดเครื่องดื่มต่างๆติดต่อได้ที่ คุณ อ้อม 090-1211078 094-8355512

1 ความคิดเห็น: